21 มิถุนายน 2561
เกี่ยวกับโครงการบงกช
โครงการบงกชเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวไทย
ประกอบด้วย
แปลงบี 15 แปลงบี 16 แปลงบี 17 และแปลงจี 12/48
โดย
* ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการ
และถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 66.6667 และ
* มีบริษัท โททาล ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันชั้นนำจากฝรั่งเศส
เป็นผู้ร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 33.3333
ปัจจุบันมีปริมาณการผลิต
* ก๊าซธรรมชาติประมาณ 841 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
* และคอนเดนเสทประมาณ 27,000 บาร์เรลต่อวัน
(ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2561)
โดยเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติสำคัญในการผลิตกระแสไฟฟ้าของประเทศ
ช่วยทดแทนการนำเข้า และลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศ
ซึ่งก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้จากแหล่งบงกช คิดเป็นร้อยละ 30
ของการผลิตก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ภายในประเทศ
แหล่งบงกชยังเป็นแหล่งก๊าซฯ แห่งแรกที่บริษัทคนไทยเป็นผู้ดำเนินการ
โดยกำลังจะครบรอบการผลิต 25 ปีในเดือนกรกฎาคมนี้
ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของคนไทย
ในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทัดเทียมบริษัทน้ำมันนานาชาติ
นอกจากนี้ ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งบงกชยังช่วยผลักดัน
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทยและเศรษฐกิจไทย
เนื่องจากเป็นวัตถุดิบตั้งต้นที่สำคัญของปิโตรเคมี
รวมถึง ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)
ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในครัวเรือนและอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศ
รายละเอียด
- การเข้าซื้อเสร็จสมบูรณ์ ส่งผลให้มีสัดส่วน
ในแหล่งบงกชเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 66.6667 - ปริมาณการขายปิโตรเลียมโดยรวม
เพิ่มขึ้นประมาณ 35,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน - สะท้อนความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งบงกชต่อไป
พร้อมเดินหน้าประมูล สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศต่อเนื่อง
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.
เปิดเผยว่าการเข้าซื้อหุ้นในแหล่งบงกชจาก
บริษัทในเครือของกลุ่มเชลล์ในสัดส่วนร้อยละ 22.2222
ซึ่งได้มีการลงนามในสัญญาการโอนสิทธิสัมปทาน
เมื่อเดือนมกราคม 2561 นั้นมีผลสมบูรณ์แล้ว
โดยได้รับการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561
และทุกฝ่ายได้ลงนามในสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม
(Supplementary Petroleum Concession)
แล้วเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2561
ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีสัดส่วนการลงทุน
ในแหล่งบงกชเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 66.6667
การเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนในแหล่งบงกชเป็นไปตามกลยุทธ์ของ ปตท.สผ.
ที่แสวงหาการลงทุนใหม่ โดยการเข้าซื้อกิจการ
เพื่อรองรับการเติบโตและ
เพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
โดยการเข้าซื้อครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ย
ให้กับ ปตท.สผ. ประมาณ 35,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันได้ทันที
และที่สำคัญยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ปตท.สผ.
ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งก๊าซฯ บงกชในปัจจุบัน
ที่มีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูล
เพื่อเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งบงกชต่อไป
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ.
กล่าวว่า
“ปตท.สผ. มีประสบการณ์และความชำนาญ
ในการสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งบงกชซึ่งเราเป็นผู้ดำเนินการมากว่า 20 ปี
และดำเนินงานโดยคนไทยเกือบ 100%
เรามั่นใจว่าจะสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง
ตามนโยบายของภาครัฐด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้
และให้ผลประโยชน์กับประเทศได้มากกว่า
จึงขอย้ำว่า ปตท.สผ. ซึ่งเป็นบริษัทไทยจะเข้าร่วมประมูล
ทั้งแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณ เพื่อสร้างความต่อเนื่อง
และความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศอย่างแน่นอน”
ทั้งนี้ นอกจากการเตรียมความพร้อม
ในการเข้าร่วมประมูลแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณแล้ว
ปตท.สผ. ยังมุ่งแสวงหาการลงทุนใหม่ๆ จากการเข้าซื้อกิจการ
โดยให้ความสำคัญกับการแสวงหา
สินทรัพย์ที่ผลิตแล้วหรือที่กำลังเริ่มผลิต
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง
ตามแผนกลยุทธ์ของบริษัท
Sources : www.set.or.th,
WWW.CHEMWINFO.COM BY KHUN PHICHAI